อากาศแห้งแล้งในช่วงนี้
กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเฝ้าระวังการระบาดของไรแดง สามารถพบได้ในระยะที่มันสำปะหลังมีอายุประมาณ 3 เดือน ไรแดงจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ใบเหลืองซีดเป็นจุดประขาว ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการสร้างหัวของมันสำปะหลัง ไรแดงที่พบทำลายมันสำปะหลัง มี 3 ชนิด คือ ไรแดงหม่อน ไรแดงมันสำปะหลัง
และไรแมงมุมคันซาวา สำหรับไรแดงหม่อนจะดูดกินน้ำเลี้ยงอยู่ใต้ใบแก่และใบเพสลาด หากระบาดรุนแรง
ตัวไรจะเคลื่อนย้ายไปดูดกินน้ำเลี้ยงบนยอดอ่อน โดยสร้างเส้นใยปกคลุมใบและลำต้น
เมื่อไรเริ่มลงทำลายต้นมันสำปะหลังจะสังเกตเห็นรอยทำลายเป็นจุดประด่างเหลืองบนผิวด้านบนใบ
หากไรเข้าทำลายรุนแรง จะทำให้ใบไหม้ ตรงกลางใบขาดพรุน ใบลู่ลง และเหี่ยวแห้ง
กรณีไรแดงหม่อนลงทําลายในต้นมันสําปะหลังที่มีอายุ
1-3 เดือน อาจทําให้ใบร่วง ยอดแห้ง
และตายได้
. ส่วนไรแดงมันสำปะหลังจะดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณหน้าใบ
ไม่สร้างเส้นใย ทำให้ใบเป็นจุดประสีขาวซีด พบระบาดได้ตลอดปี สำหรับไรแมงมุมคันซาวา
จะดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณใต้ใบ สร้างเส้นใยปกคลุมผิวใบบริเวณที่ไรอาศัยอยู่
พบระบาดเป็นครั้งคราวแต่การระบาดจะรุนแรงมาก ทำให้ใบไหม้
ใบขาดเป็นรูบริเวณใกล้เส้นกลางใบ ส่งผลทำให้ใบมันสำปะหลังไหม้ทั้งแปลง ใบร่วง และแห้งตาย
เกษตรกรควรหมั่นตรวจแปลงปลูกมันสำปะหลังอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการปลูกมันสําปะหลังในช่วงที่มีสภาพอากาศแห้งแล้ง
ถ้าพบระบาดของไรแดง ให้เกษตรกรเก็บใบมันสําปะหลังและส่วนที่ถูกทำลายนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก
สำหรับในพื้นที่ที่มีการระบาดของไรแดงอย่างรุนแรง ให้เกษตรกรพ่นด้วยสารฆ่าไรที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันกำจัด
ได้แก่ สารไพริดาเบน 20% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ
20 ลิตร
หรือสารสไปโรมีซิเฟน 24% เอสซี อัตรา 6 มิลลิลิตรต่อน้ำ
20 ลิตร
โดยควรพ่นสลับชนิดสารเพื่อป้องกันการต้านทานสารป้องกันกำจัดไร
และไม่ควรพ่นสารชนิดเดียวกันติดต่อกันเกิน
3 ครั้ง
.#ภาพไร:สุเทพ
สหายา